‘Shoe Tree’ คืออะไร? และมีความสำคัญอย่างไรต่อรองเท้าหนัง?

ในการเป็นเจ้าของรองเท้าหนัง ชนิดของหนัง คุณภาพของหนัง และโครงสร้างของรองเท้า คือความรู้สำคัญที่จำเป็น แต่ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะเมื่อคุณเข้าสู่วงการ Classic Menswear แล้ว การดูแลรักษารองเท้าหนังเป็นอีกหนึ่งทักษะที่จะขาดไปไม่ได้เลย และเพื่อการนั้นคุณจำเป็นต้องมี Shoe Tree

Shoe Tree คู่หูสำคัญในการดูแลรองเท้า

         “รองเท้ากับต้นไม้เกี่ยวอะไรกัน?สำหรับคนนอกวงการ Classic Menswear หรือกับคนที่เพิ่งเข้าวงการใหม่ๆ คำว่า Shoe Tree อาจจะฟังดูไม่คุ้นหูนัก และบ่อยครั้งที่มักจะมีคำถามข้างต้น ซึ่งหากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ Shoe Tree คือก็อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่จัดทรงรองเท้า เพื่อรักษารูปร่างให้ยังคงสวยงามอยู่เสมอแม้จะผ่านการใช้งานแล้ว ลองนึกภาพกล่องกระดาษที่ข้างในว่างเปล่า เมื่อมีแรงกดลงมาก็จะทำให้กล่องบุบเสียรูปทรง รองเท้าเองก็เช่นกัน ดังนั้นเมื่อเราเปิดกล่องรองเท้าคู่ใหม่เราจึงจะเห็นว่ามีก้อนกระดาษถูกอัดไว้ด้านในของรองเท้า ซึ่งก้อนกระดาษนี้ก็ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ Shoe Tree นั่นเอง

         แต่หน้าที่ของ Shoe Tree ก็ไม่ได้มีเพียงแค่การรักษารูปทรงของรองเท้าเท่านั้น เพราะสิ่งที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ คือ Shoe Tree มารถช่วยดูดซับความชื้นที่เกิดขึ้นภายในรองเท้า เพราะเมื่อมีการสวมใส่รองเท้าย่อมเกิดเหงื่อ และถึงแม้จะสวมถุงเท้าก็ตาม ความชื้นก็ยังคงสามารถซึมสู่ตะเข็บและรอยเย็บของรองเท้าได้ ซึ่งความชื้นที่สะสมจะทำให้หนังหรือด้ายเกิดความเสียหายในระยะยาว นั่นเท่ากับว่า Shoe Tree มีส่วนช่วยยืดอายุการใช้งานของรองเท้าให้นานขึ้นด้วย

         และอีกหนึ่งข้อดีเล็กๆ น้อยๆ ของ Shoe Tree คือการเป็นผู้ช่วยในการทำความสะอาดรองเท้า เพราะเมื่อมี Shoe Tree อยู่ด้านใน รองเท้าก็จะไม่เกิดการยับย่น เวลาที่ปัดฝุ่นทำความสะอาด การลงโลชั่นคืนความชุ่มชื้นให้หนัง หรือการขัดแว็กซ์จึงทำได้อย่างทั่วถึง

ทำไมถึงชื่อ Shoe Tree?

         กลับไปที่คำถามสุดคลาสสิก “รองเท้ากับต้นไม้เกี่ยวอะไรกัน? สำหรับคำตอบของคำถามนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1905 เมื่อ William C. Benkert ได้คิดค้น โครงสร้างที่ช่วยประคองให้รองเท้าอยู่ในสภาพเหยียดตึง ไม่ยับย่น เพื่อป้องกันไม่ให้ส่วน Upper ของรองเท้าต้องโดนแรงกดจนแนบไปกับส่วน Sole อีกทั้งยังช่วยในการปรับทรงรองเท้าและการระบายอากาศ โดยสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ถูกเรียกว่า ‘Shoe Expander’ หรือ ‘Shoe Tree’ ดังนั้น Tree ในที่นี้จึงหมายถึง โครงสร้าง หรือ แกนกลางของรองเท้า ไม่ได้หมายถึง ต้นไม้ แบบตรงตัว (ถึงแม้ว่าจะถูกสร้างมาจากไม้ก็ตาม)

 

วัสดุสำหรับ Shoe Tree

         ในเมื่อ Tree จากคำว่า Shoe Tree ไม่ได้แปลว่า ต้นไม้ ดังนั้นแน่นอนว่าวัสดุที่ใช้ผลิต Shoe Tree จึงไม่ได้มีเพียงแค่ไม้เท่านั้น แต่ยังมีวัสดุอื่นด้วย อย่างไรก็ตามแต่ละวัสดุก็จะมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป

  1. พลาสติก

         Shoe Tree แบบพลาสติกนับว่าเป็น Shoe Tree ที่พบเห็นทั่วไปโดยเฉพาะในวงการสนีกเกอร์ เนื่องจากเป็น Shoe Tree ที่มีพื้นผิวเรียบ ทำให้ส่วน Upper ของสนีกเกอร์ปลอดภัยจากความเสียหาย เนื่องจากสนีกเกอร์ส่วนใหญ่จะมี Upper ที่ทำมาจากผ้าหรือผ้านิต (Knit) ซึ่งหากใช้ Shoe Tree ที่พื้นผิวไม่เรียบ Upper จะถูกส่วนที่ไม่เรียบนั้นเกี่ยวจนเสียหายได้ อีกทั้งยังเป็น Shoe Tree ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด เนื่องจากมีราคาย่อมเยาเข้าถึงง่าย

         อย่างไรก็ตาม แม้ Shoe Tree แบบพลาสติกจะช่วยจัดทรงรองเท้าได้ แต่ยังขาดคุณสมบัติในเรื่องของการดูดซับความชื้นและการจัดการกลิ่น เพราะวัสดุตั้งต้นอย่างพลาสติกนั้นไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ ซึ่งหมายความว่ารองเท้าของคุณมีโอกาสเสียหายจากความชื้นที่เกิดขึ้นและไม่สามารถระบายออกไป ทำให้อายุการใช้งานของรองเท้าสั้นลง

  1. ไม้

         สำหรับวงการ Classic Menswear แล้ว Shoe Tree แบบไม้คือตัวเลือกอันดับหนึ่ง แน่นอนว่าความคลาสสิกของ Shoe Tree แบบไม้นั้นตอบโจทย์ความเป็น Classic Menswear แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียว เพราะ Shoe Tree แบบไม้นั้นมีข้อดีอื่นๆ ที่มากกว่าแบบพลาสติก โดยขึ้นอยู่กับชนิดของไม้ที่ใช้ด้วย

    3. ไม้ธรรมดา

         Shoe Tree จากไม้ธรรมดานั้นจะมีสีออกน้ำตาลอมเหลืองหรือน้ำตาลอมชมพู ซึ่งจะมีความแข็งแรงทนทานกว่า Shoe Tree แบบพลาสติก และมีอายุการใช้งานนานกว่าด้วย นอกจากการช่วยให้รองเท้าคงรูป ยืดรอยยับย่นทั้งหมดของหนังแล้ว Shoe Tree แบบไม้ยังช่วยในเรื่องของการดูดซับความชื้นออกจากรองเท้าตามที่กล่าวไปข้างต้น อย่างไรก็ตาม Shoe Tree ที่ผลิตขึ้นจากไม้ธรรมดายังขาดคุณสมบัติในด้านการดูดซับกลิ่น จึงทำให้รองเท้าหนังคู่โปรดอาจยังคงมีกลิ่นอับหลงเหลือได้

          4. ไม้ซีดาร์

         ไม้ซีดาร์ (Cedar Wood) คือวัสดุยอดนิยมที่ถูกนำมาผลิต Shoe Tree โดยเฉพาะไม้ซีดาร์แดง (Red Cedar Wood) ซึ่งนั่นทำให้ Shoe Tree ที่ได้มีสีออกน้ำตาลแดง และเนื่องจากไม้ซีดาร์เป็นไม้เนื้ออ่อนที่มีกลิ่นหอมระเหยเฉพาะตัว จึงทำให้ Shoe Tree ที่ได้จากวัสดุนี้มีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นได้ดีกว่า Shoe Tree จากไม้ธรรมดา จึงไม่ต้องห่วงเรื่องรองเท้าเปื่อยขาดจากความชื้นสะสม ที่สำคัญยังมาพร้อมคุณสมบัติในการกำจัดกลิ่นอับได้อย่างดีเยี่ยม จนสามารถพูดได้ว่าเป็น Shoe Tree ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในท้องตลาดขณะนี้ (โดยเฉพาะเมื่อใช้กับรองเท้าหนังหรือรองเท้าหนังกลับที่มีการตอบสนองต่อความชื้นไวเป็นพิเศษ)

         นอกจากนี้ยังมี Shoe Tree จากไม้บีช (Beech) ไม้เมเปิล (Maple) หรือไม้อัลเดอร์ (Alderwood) ด้วย ซึ่ง Shoe Tree แบบไม้ทั้งหมดนั้น แม้จะมีข้อดีมากกว่าแบบพลาสติก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงกว่าเช่นกัน อีกหนึ่งคำแนะนำในการเลือก Shoe Tree แบบไม้ คือไม่ควรเลือก Shoe Tree ไม้ที่ถูกเคลือบ เพราะการเคลือบไม้จะทำให้สูญเสียคุณสมบัติในการปล่อยกลิ่นหอมระเหยและการดูดซับความชื้น

 

วิธีใช้งานและเลือก Shoe Tree ให้เหมาะกับรองเท้า

         Shoe Tree ก็เหมือนรองเท้าที่มีขนาด (Size) กำกับ และแม้ Shoe Tree จะดีเยี่ยมขนาดไหน แต่ถ้าเลือกขนาดที่ไม่พอดี ก็ไม่สามารถดึงประสิทธิภาพสูงสุดของ Shoe Tree ออกมาได้ การเลือกขนาดของ Shoe Tree ให้สำคัญกับรองเท้าจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย

         หัวใจสำคัญของการเลือก Shoe Tree คือไม่ควรเลือกขนาดที่ใหญ่เกินไป เพราะเมื่อใส่ Shoe Tree ที่มีขนาดใหญ่จนคับแน่นลงไปในรองเท้าจะทำให้รองเท้าขยายตัวจนเกินไป จนบางครั้งอาจทำให้รองเท้าเสียทรง ไม่สวยงาม เสี่ยงต่อการเสียหาย ดังนั้นเมื่อคุณต้องเลือกซื้อ Shoe Tree จึงควรเลือกขนาดที่พอดีกับรองเท้าหรือเล็กกว่ารองเท้าเล็กน้อย เช่น รองเท้าของคุณขนาด 40 ควรเลือก Shoe Tree ขนาด 39-40 เป็นต้น

         การใส่ Shoe Tree ลงไปในรองเท้านั้นสามารถทำได้ง่ายๆ เพราะ Shoe Tree ถูกออกแบบมาให้มีข้อต่อที่สามารถพับงอได้และมีสปริงช่วยในการหดเข้าและดีดตัวออก โดยเริ่มจากการพับบริเวณข้อต่อของ Shoe Tree ให้มีลักษณะงอคล้ายตัว L จากนั้นดันส่วนปลายของ Shoe Tree เข้าไปจนสุดของปลายรองเท้า เมื่ออยู่ในตำแหน่งที่หมาะสมแล้ว ให้กดสปริงของ Shoe Tree เล็กน้อย ส่วนส้นเท้าของ Shoe Tree จะหดตัวไปหาส่วนปลายเท้า จากนั้นจึงวางส่วนส้นเท้าของ Shoe Tree ลงในส่วนส้นเท้าของรองเท้า Shoe Tree จะดีดตัวกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมเพื่อประคองทรงรองเท้าเอาไว้

         แล้วจะต้องใส่ Shoe Tree ในรองเท้าตอนไหน? หลังจากที่คุณใส่รองเท้ามาเป็นเวลานาน ให้ถอดรองเท้าแล้วทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงใส่ Shoe Tree ลงไปในรองเท้า โดยทิ้ง Shoe Tree ไว้ในรองเท้าเป็นเวลา 24 ชั่วโมงเพื่อให้ Shoe Tree ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องการดูดซับความชื้นและกำจัดกลิ่น 

Life Hack: ทำให้รองเท้าใส่สบายขึ้นด้วย Shoe Tree

         ช่วงแรกในการใช้งานรองเท้าหนังคู่ใหม่นั้นคือช่วงเวลาของการสวมใส่ที่ไม่สบายเท้า เพราะรองเท้ายังไม่ผ่านการ Break-In หนังส่วน Upper จึงยังไม่ยืดหยุ่นและปรับเข้ากับรูปเท้า ซึ่งระยะเวลาในการ Break-In นี้ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง แต่หากคุณต้องการย่นเวลาในการ Break-In หรือต้องการขยายรองเท้าให้มีขนาดใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อให้สวมใส่สบายยิ่งขึ้น Shoe Tree สามารถช่วยคุณได้ โดยการเลือก Shoe Tree ที่มีขนาดพอดีกับรองเท้า นำมาสวมถุงเท้า 1 ชั้น แล้วใส่ลงไปในรองเท้า เพียงเท่านี้รองเท้าของคุณก็จะถูกขยายอย่างละมุนละม่อม แต่หากถุงเท้าเพียง 1 ชั้นยังไม่ตอบโจทย์ คุณก็สามารถเพิ่มถุงเท้าเป็น 2-3 ชั้นได้เช่นกัน 

         สำหรับผู้ที่รักรองเท้าแล้ว Shoe Tree ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อให้รองเท้าคู่โปรดของคุณใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น และเมื่อตัดสินใจที่จะซื้อ Shoe Tree แล้ว อย่าลืมเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับ Shoe Tree ที่มีคุณภาพและผลิตจากไม้ซีดาร์แท้แน่นอน 100% อย่าง Shoe Tree ของ Julietta ที่มีให้เลือกทั้งแบบไม้ซีดาร์ (https://shope.ee/9UR3oMbH28) และไม้ซีดาร์แดง (https://shope.ee/1L5M5JtQFX) ที่เพียงแค่เปิดกล่องออกมาก็จะได้กลิ่นน้ำมันหอมระเหยที่เป็นกลิ่นเฉพาะตัวของไม้ซีดาร์ เนื่องจากทางแบรนด์เลือกใช้ไม้ซีดาร์แท้เกรดพรีเมียมที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา

         นอกจากนี้ Julietta ยังมี Shoe Tree ขนาดหลากหลายให้คุณเลือกเพื่อความพอเหมาะพอดีกับรองเท้าคู่ใจ และถึงแม้จะใส่ Shoe Tree แล้ว คุณก็ยังสามารถเก็บรองเท้าลงกล่องได้ เพราะดีไซน์ที่ทำให้ส่วนสูงพอดีกับขอบรองเท้า มีความกะทัดรัด ซึ่งนอกเหนือจากจุดเด่นด้านการประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ คือความคล่องตัวในการเดินทาง และหากคุณกังวลเรื่องงบประมาณก็ต้องขอบอกว่า Shoe Tree ระดับพรีเมียมนี้มาในราคาที่จับต้องได้ นี่จึงเป็นเหตุผลให้ Shoe Tree จาก Julietta เป็นตัวเลือกในการช่วยยืดอายุรองเท้าหนังที่คุณไม่ควรมองข้าม

 

Ref

https://www.beckettsimonon.com/blogs/resources/what-is-a-shoe-tree-and-why-should-you-use-them

https://suiter.com/patent-of-the-day-shoe-tree/

http://xn--l3c0azaf3j6a.com/style/how-to-buy-shoe-tree/761

https://www.facebook.com/Shineable.co/posts/2961815683864485/

https://www.facebook.com/permalink.php?id=1085885888225364&story_fbid=1347785915368692&paipv=0&eav=AfbUECliWv9V48S-D95AcDnjoaGGhZcmmncRTtKsAr3N2y64NatnDqqWf6xaOqfS2oc&_rdr

https://www.mendetails.com/must-read/shoe-trees-for-leather-shoes-benefit-oct22/

https://www.mendetails.com/style/20-things-change-from-welldress/

https://footwearnews.com/feature/what-is-a-shoe-tree-1203212478/

https://www.misiuacademy.com/ultimate-shoe-trees-guide/

https://www.youtube.com/watch?v=1QY85kwHPMU

https://www.youtube.com/watch?v=-pDpdQcuIas

https://www.youtube.com/watch?v=JTrfcM4GVe8

https://www.youtube.com/watch?v=K_QxcXFZq4I

https://en.wikipedia.org/wiki/Shoe_tree_(device)

 

Back to blog